ปัจจัยในการออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะกับสิ่งเเวดล้อม
- เบราเซอร์ที่ใช้
- ระบบปฏิบัติการขอคอมพิวเตอร์
- ความละเอียดของหน้าจอ
- จำนวนสีที่จอของผู้ใช้สามารถแสดงได้
- ชนิดของตัวอักษรที่มีอยู่ในเครื่องผู้ใช้
- ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
- ขนาดหน้าต่างเบราเซอร์
- ความสว่างและค่าความต่างของโทนสี

เบราเซอร์คือโปรแกรมที่ใช้เรียกดูเว็บเพจโดยสามารถแสดงผลได้ทั้งรูปแบบตัวอักษร รูปภาพ
และ ภาพเคลื่อนไหวบราวเซอร์ที่ได้รับความนิยม Internet Exploror,The World,OperaChome

ระบบปฏิบัติการเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานของเบราเซอร์มากโดยแต่ละระบบปฏิบัติการจะมาความแตกต่างกันในเรื่องของชนิดและรุ่นของเบราเซอร์ที่ใช้ได้ ระดับละเอียดของหน้าจอ
ชุดสีของระบบและชนิดของตัวอักษรที่มาพร้อมกับระบบเป็นต้น

ความละเอียดของหน้าจอจะไม่ขึ้นกับขนาดของมอนิเตอร์ที่ใช้ แต่จะขึ้นกับประสิทธิภาพ
ของการ์ดแสดงผลว่าสามารถทำได้ละเอียดแค่ไหน
- ควรออกแบบโดใช้ควาละเอียด 800x600 เเต่ควรัดองค์ประกอบสำคัญ เช่น ระบบเนวิเกชั่น
- ควรทดสอบการแสดงผลหน้าเว็บที่ความละเอียดต่างๆก่อนจะเปิดใช้งานจริง

จำนวนสีที่การ์ดจอสามารถแสดงได้นั้น ขึ้นอยู่กับค่าความละเอียดของสีที่เรียกว่า bit depth
หรือcolor depth ซ่ง็คือจำนวนบิตที่ช้ในการเก็บข้อมูลแต่ละพิกเซล
หรือcolor depth ซ่ง็คือจำนวนบิตที่ช้ในการเก็บข้อมูลแต่ละพิกเซล
- ชุดสีสำหรับเว็บ(Web Palete) คือชุดสีจำนวน 216สีทีมีอยู่เหมือนกันในระบปฏิบัติการ Windown และ Mac ซึ่งปัจจุบัน Web Palete มีความสำคัญน้อยลง เนื่องจากจอของผู้ใช้สามารถแสดงสีได้มากขึน เเต่ใน Tool ต่างๆ เช่น Deamweaver ก็ยังเห้นชุดสีเหล่านี้ปรากฏอยู่

- ฟอนต์แบบบิตแมพ (bitmaped font)ที่ออกแบบขึ้นจากจุดของพิกเซล โดยมีการออกแบบแต่ละตัวอักษรไว้เป็นนาดที่แน่นอน
- ฟอนต์แบบที่มีโครงสร้างของอักขระเป็นแบบเวเตอร์หรือลายเส้น (Vector font) โดยมีการอกแบเอาท์ไลน์ไว้เพียงแบบเดีย แต่สามารถปรับขนาดได้อย่างไม่จำกัด

ความเร็วของอินเตอร์เน็ตจะมีผลต่อเวลาที่ใช้ในการแสดงผลของเว็บ ซึ่งมีหลายระดับด้วยกัน
ขนาดหน้าต่างบราวเซอร์ :
- ผู้ใช้ตามบ้านส่วนใหญ่จะใช้ความเร็ว 56 Kbps
- ในหน่วยงานบางแห่งอาจใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง เช่น ADSL,Cable modem ซึ่งจะมีความเร็วตั้งแต 128Kbps จนถึง 10 Mbps

ขนาดหน้าต่างของเบราเซอร์มีโอกาสที่ถูกปรบเปลี่ยนเป็นขนาดเท่าไหร่ก็ได้ตาความประสงค์ของผู้ใช้ซึ่งผู้ออกแบบเว็บควรออกแบบให้เว็บเพจมีการเปลี่ยนแปลงขนาได้(FlexibleDesign)เพราะ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงขนาดหน้าต่างเบราเซอร์ องค์ประกอบทั้งหมดจะมีการจัดเรียงตัวกันใหม่ ตามขนาดพื้นที่ใหม่
นอกเหนือจากค่าแกมม่าที่ีผลต่อความสว่างของหน้าจอเเล้ว ตัวผู้ใช้เองยังสามารถปรับระดับ ความสว่าง (Brightnes) และความต่างของโทสี (Contrast) จากมอนิเตอร์ ผู้ออกแบบเว็บเพจจึงควร ระวังไม่ให้หน้าเว็บมีโทนสีมืดหรือสว่างจนเกินไป และควรเลือกช้โทรสีที่ต่างกันพอสมควร
1. รู้จักตัวเอง-กำหนดเป้าหมายและสำรวจความพร้อม
2. เรียนรู้ผู้ใช้-ระบุกลุ่มผู้ใช้และศึกษาความต้องการ
3. ศึกษาคู่แข่ง-สำรวจการแข่งขันและการเรียนรู้คู่แข่ง
• สิ่งที่ได้รับ
1. เป้าหมายหลักของเว็บ
2. ความต้องการของผู้ใช้
3. กลยุทธ์ในการแข่งขัน
กำหนดเป้าหมายของเว็บ
เป้าหมายของเว็บไซต์นั้นควรจะสัมพันธ์กับเป้าหมาย
ของหน่วยงาน สามารถวัดผลได้ และตั้งอยู่บนความเป็นไปได้
เพื่อจะได้ออกแบบเนื้อหาและการใช้งานภายในเว็บ ได้ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ความต้องการของหน่วยงาน V.S.ความต้องการของผู้ใช้
เว็บท่า : ต้องการรวมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในเว็บของตนเพื่อเป็นศูนย์กลางความบันเทิง ข่าวสาร และสาระต่างๆ ขณะที่ผู้ใช้อาจต้องการเพียงเข้าไปค้นหาลิงค์ ของเว็บที่สนใจ เพื่อเข้าไปยัง เว็บไซต์เหล่านั้น
เว็บธุรกิจ : ต้องการปรับตำแหน่งของบริษัทให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น โดยอาศัยการออกแบบที่สวยงาม และเน้นถึงกลยุทธใหม่ของบริษัท ขณะที่ผู้ใช้อาจไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น ต้องการเพียงข้อมูลของสินค้า เท่านั้น
รู้จักกลุ่มผู้ใช้
คำถามสำคัญเกี่ยวกับผู้ใช้ ประกอบด้วย
1. ใครคือผู้ใช้หลักของเว็บ
2. พวกเขามีจำนวนเท่าไร?
3. พวกเขาเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างไร?
4. อะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ?
5. พวกเขาทำอะไร เมื่อเข้ามาถึงเว็บไซต์
ข้อมูลผู้ใช้แบ่งได้เป็น 4 แบบ ดังต่อไปนี้
1. Demographics : ข้อมูลทางประชากร เป็นข้อมูลขั้นต้นที่ง่ายที่สุด เช่น เพศ อายุ ที่อยู
2. Webographics : ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ ความคิดและพฤติกรรม ที่เกี่ยวข้องกับเว็บ ได้แก่
3. Psychographics : ลักษณะทางจิตวิทยา ครอบคลุมถึง ความสนใจ ความนิยม ทัศนคติ บุคลิกภาพ
การออกแบบเนวิเกชันสำหรับเว็บ
ความสำคัญของระบบเนวิเกชัน
ในชีวิตจริงของเราบางครั้งอาจมีความจำเป็นต้องขับรถไปในที่ๆ
ไม่เคยไปมาก่อน สิ่งที่ทุกคนปราถนาคือการไปถึงที่หมายโดยไม่หลงทางเพราะนอกจากจะทำให้เราไปไม่ถึงที่หมาย เสียเวลาเสียพลังงานแล้วยังอาจทำให้อารมณ์เสียได้อีก
โชคดีที่เรามีระบบการป้องกันการจราจรที่ ดีเช่นป้ายแสดงชื่อถนน ป้ายแสดงชื่อทางแยก
สิ่งเหล่านี้เมื่อนำมาใช้ปะกอบกันก็จะช่วยให้เรา รู้ตำแหน่งปัจจุบันและทิศทางไปสู่จุดหมายได้ เช่นเดียวกับโลกอินเตอร์เน็ต
ที่คุณอาจหลงทางในเว็บไซท์บางแห่งเพราะขาด ระบบการนำทางที่ดีทำให้เกิดความรู้สึกสับสนและไม่พอใจ
ขณะที่การออกแบบโครงสร้างข้อมูลที่ ดีช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น
ส่วนระบบนิเนวิเกชั่นเป็นส่วนเสริมในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ สื่อความหมาย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ท่องเว็บได้อย่างคล่องตัวโดยไม่หลงทาง
ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบาย ขณะที่ท่องเว็บ โดยสามารถรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน
ได้ผ่านที่ใดมาบ้าง และควรจะไปทางไหนต่อ การเข้าถึงข้อมูลอย่างสะดวกเป็นหัวใจสำคัญของระบบเนวิเกชั่น
การมีเนื้อหาในเว็บไซท์ ที่ดีจะเป็นสิ่งดึงดูดให้ผู้ใช้เข้ามาใช้บริการอย่างสม่ำเสมอแต่เนื้อหานั้นจะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าผู้ใช้ค้นหาสิ่งที่ต้องการไม่พบ
ความสำเร็จของเว็บไซท์ส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้ใช้สามารถ พึ่งพาระบบเนวิเกชั่นในการนำทางไปถึงที่หมายได้ ระบบเนวิเกชั่นนั้นอาจประกอบด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง
เช่นเนวิเกชันบาร์ หรือ pop-up menu ซึ่งมักจะมีอยู่ในทุกๆ หน้าของเว็บเพจ
และอาจอยู่ในหน้าเฉพาะที่มีรูปแบบป็นระบบสารบัญ ระบบดัชนี หรือ site map ที่สามารถให้ผู้ใช้คลิกผ่านโครงสร้างข้อมูลไปยังส่วนอื่นๆได้ การเข้าใจถึงรูปแบบและองค์ประกอบของระบบเนวิเกชั่นเหล่านี้
จะทำให้คุณออกแบบระบบ เนวิเกชันด้วยองค์ประกอบที่เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ออกแบบเพื่อผู้ใช้ Designing for User
1. รู้จักตัวเอง-กำหนดเป้าหมายและสำรวจความพร้อม
2. เรียนรู้ผู้ใช้-ระบุกลุ่มผู้ใช้และศึกษาความต้องการ
3. ศึกษาคู่แข่ง-สำรวจการแข่งขันและการเรียนรู้คู่แข่ง
• สิ่งที่ได้รับ
1. เป้าหมายหลักของเว็บ
2. ความต้องการของผู้ใช้
3. กลยุทธ์ในการแข่งขัน

เป้าหมายของเว็บไซต์นั้นควรจะสัมพันธ์กับเป้าหมาย
ของหน่วยงาน สามารถวัดผลได้ และตั้งอยู่บนความเป็นไปได้
เพื่อจะได้ออกแบบเนื้อหาและการใช้งานภายในเว็บ ได้ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ความต้องการของหน่วยงาน V.S.ความต้องการของผู้ใช้
เว็บท่า : ต้องการรวมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในเว็บของตนเพื่อเป็นศูนย์กลางความบันเทิง ข่าวสาร และสาระต่างๆ ขณะที่ผู้ใช้อาจต้องการเพียงเข้าไปค้นหาลิงค์ ของเว็บที่สนใจ เพื่อเข้าไปยัง เว็บไซต์เหล่านั้น
เว็บธุรกิจ : ต้องการปรับตำแหน่งของบริษัทให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น โดยอาศัยการออกแบบที่สวยงาม และเน้นถึงกลยุทธใหม่ของบริษัท ขณะที่ผู้ใช้อาจไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น ต้องการเพียงข้อมูลของสินค้า เท่านั้น
คำถามสำคัญเกี่ยวกับผู้ใช้ ประกอบด้วย
1. ใครคือผู้ใช้หลักของเว็บ
2. พวกเขามีจำนวนเท่าไร?
3. พวกเขาเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างไร?
4. อะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ?
5. พวกเขาทำอะไร เมื่อเข้ามาถึงเว็บไซต์
ข้อมูลผู้ใช้แบ่งได้เป็น 4 แบบ ดังต่อไปนี้
1. Demographics : ข้อมูลทางประชากร เป็นข้อมูลขั้นต้นที่ง่ายที่สุด เช่น เพศ อายุ ที่อยู
2. Webographics : ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ ความคิดและพฤติกรรม ที่เกี่ยวข้องกับเว็บ ได้แก่
- สถานที่ในการเข้าสู่อินเตอร์เน็ต
- ช่วงเวลาที่ออนไลน์
- ความถี่ในการเข้าชมเว็บ
3. Psychographics : ลักษณะทางจิตวิทยา ครอบคลุมถึง ความสนใจ ความนิยม ทัศนคติ บุคลิกภาพ
4. Behavior & Activities : พฤติกรรมและกิจกรรมอาจได้แก่
กิจกรรมที่ชื่นชอบ กีฬาที่สนใจ
งาน อดิเรก พฤติกรรมอื่น ๆ
งาน อดิเรก พฤติกรรมอื่น ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น